จากตอนที่1seasonแรกทีมิโอะถามยูอิว่าใครคือมือกีตาร์คนโปรดคือใครมีใครกันบ้างไปดูกันเลยคับ
1.เจมส์ มาร์แชลล์ เฮนดริกซ์ (อังกฤษ: James Marshall Hendrix) หรือชื่อเกิด จอห์นนี อัลเลน เฮนดริกซ์ (อังกฤษ: Johnny Allen Hendrix) (27 พฤศจิกายน ค.ศ. 1942 - 18 กันยายน ค.ศ. 1970) เป็นนักกีตาร์ นักร้อง นักแต่งเพลงชาวอเมริกัน เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นนักกีต้าร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรีร็อก โดยนักดนตรีและนักวิจารณ์มากมายในแวดวงบันเทิง[1][2][3] และเป็นหนึ่งในบุคลสำคัญที่มีบทบาทต่อดนตรีหลายๆ แนวในยุคของเขา[4][5][6] หลังจากประสบความสำเร็จในยุโรปในช่วงแรก จึงเริ่มมีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา หลังจากการแสดงใน มอนเทอเรย์ป็อปเฟสติวัล ต่อมาเขาก็ได้เล่นเป็นวงหลักในเทศกาลวู้ดสต็อกปี 1969 และเทศกาลไอเซิลออฟไวต์ ในปี 1970 บ่อยครั้งเฮนดริกซ์ชอบที่จะใช้เสียงโอเวอร์ไดรว์ฟแบบดิบๆ จากตู้แอมป์ร่วมกับ Gain (ปริมาณเสียงที่ส่งมาจากกีต้าร์) จำนวนมาก รวมไปถึง Treble (เสียงย่านแหลม) ด้วย ซึ่งได้ช่วยพัฒนาเทคนิคในการทำให้เกิดเสียง Feedback (เสียงหอน) จากแอมป์กีต้าร์[7]เฮนดริกซ์เป็นหนึ่งในนักดนตรีที่ทำให้แป้นเหยียบวาห์-วาห์ ได้รับความนิยมในดนตรีร็อกกระแสหลัก ซึ่งเขามักจะใช้เพื่อขยายขอบเขตของระดับเสียงในโซโล่ของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการดันสายที่เป็นเสียงสูง และการใช้เลกาโตที่ยืนพื้นบนสเกลเพนตาโทนิก เขาได้รับอิทธิพลในการเล่นมาจากศิลปินในแนวบลูส์ เช่น B. B. King, Muddy Waters, Howlin' Wolf, Albert King และ Elmore Jame[8][9][10] [11] นักกีต้าร์แนวอาร์แอนด์บีและโซล อย่าง Curtis Mayfield, Steve Cropper เช่นเดียวกับดนตรีโมเดิร์นแจ๊ส[12] ในปี 1966 เฮนดริกซ์ผู้ซึ่งได้ร่วมเล่นและบันทึกเสียงกับวง ลิตเทิล ริชาร์ด ในระหว่างปี 1964 ถึง 1965 ได้เคยบอกว่า "ผมอยากจะทำกับกีต้าร์ของผมในสิ่งที่ลิตเทิล ริชาร์ดทำกับเสียงร้องของเขา[13]
คาลอส ซานตาน่า ได้ให้ความเห็นว่าดนตรีของเฮนดริกซ์อาจจะได้รับอิทธิพลมาจากวิถีชิวิตของชาวอเมริกันของเขา[14] ในฐานะโปรดิวเซอร์ เฮนดริกซ์ได้ใช้ห้องบันทึกเสียงในการต่อยอดความคิดของเขา ซึ่งเขาเป็นคนแรกๆ ที่ได้ทดลองเกี่ยวกับเสียงแบบสเตอริโอ และ เทคนิค Phasing สำหรับบันทึกเสียงเพลงร็อก
เฮนดริกซ์ ได้รับรางวัลที่มีเกียรติเกี่ยวกับวงการเพลงร็อกมากมายตลอดชีวิตเขา และยังได้รับเพิ่มมาหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้วอีกมาก รวมถึงได้มีชื่ออยู่ในยูเอสร็อกแอนด์โรลฮอลออฟเฟม ในปี 1992 และยูเคมิวสิกฮอลออฟเฟมในปี 2005 ที่อังกฤษก็มีป้ายชื่อของเขา ณ บ้านที่เขาเคยอาศัยที่ถนนบรู๊ก ใน ลอนดอน เมื่อเดือนกันยายนปี 1997 ดาวที่เป็นชื่อของเขาที่ฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม(ตั้งอยู่ที่ 6627 ฮอลลีวูด บูเลวาร์ด) ได้ถูกทำขึ้นมาในปี 1994 ในปี 2006 ผลงานอัลบั้มเปิดตัวในยูเอสของเขา อาร์ ยู อิคเพียเรียนซ์ (อังกฤษ: Are You Experienced) ได้รับเลือกให้อยู่ใน United States National Recording Registry และนิตยสารโรลลิงสโตน ให้เฮนดริกซ์อยู่อันดับ 1 ในบรรดานักกีตาร์ ในหัวข้อ 100 อันดับ นักกีตาร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ในปี 2003[15] เขายังเป็นคนแรกที่ถูกเสนอชื่อเข้าสู่ Native American Music Hall of Fame อีกด้วยในAnime มิโอะเรียกว่า จิมมี เฮนดริกซ์
2.เจมส์ แพทริก "จิมมี" เพจ โอบีอี (เกิด 9 มกราคม 1944) เป็นนักกีตาร์ นักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์ชาวอังกฤษ เพจเริ่มต้นอาชีพนักดนตรีจากการเป็นนักกีตาร์ที่ทำงานในสตูดิโอในลอนดอน ต่อมาในปี ค.ศ. 1966 ถึงค.ศ. 1968 เขาเป็นสมาชิกของวงเดอะยาร์ดเบิร์ดส์ จากนั้นเขาได้ก่อตั้งวงเลด เซพเพลิน เพจได้ถูกอธิบายว่า "หนึ่งในนักกีตาร์และนักแต่งเพลงที่มีอิทธิพลที่สุด มีความสำคัญที่สุด และมีความสามารถรอบด้านที่สุดในประวัติศาสตร์ของเพลงร็อกตลอดกาลอย่างไม่มีข้อสงสัย"[1] ในปี 2003 โรลลิงสโตน ได้จัดอันดับให้เพจอยู่ในอันดับที่9 ในรายการ"100 นักกีตาร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล" [2] และเพจยังถูกเสนอชื่อให้อยู่ในหอเกียรติยศร็อกแอนด์โรลสองครั้ง ครั้งแรกในฐานะสมาชิกของวงเดอะยาร์ดเบิร์ดส์ (1992) [3] ครั้งที่สองในฐานะสมาชิกของวงเลด เซพเพลิน (1995) [4]แถมคนนี้ใช้กีตาร์2คอที่ยูอิเห็นตอนที่2ด้วย
3.เจฟฟรีย์ สกอต บั๊กลีย์ (อังกฤษ: Jeffrey Scott Buckley) (17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1966 - 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1997) หรือโตมาในชื่อ สก็อตตี มัวร์เฮด (อังกฤษ: Scotty Moorhead)[1] เป็นนักร้อง-นักแต่งเพลง และนักกีตาร์ชาวอเมริกัน เขาเป็นบุตรชายของทิม บั๊กลีย์ นักดนตรีเช่นกัน หลังจาก 1 ทศวรรษที่เขาทำงานเป็นมือกีตาร์รับจ้างในลอสแอนเจลิส บั๊กลีย์ก็มีชื่อเสียงมากขึ้นในต้นคริสต์ทศวรรษ 1990 โดยเล่นเพลงทำใหม่ของศิลปินอื่น ในงานที่อีสวิลเลจ ในแมนฮัตตัน อย่างเช่น งาน Sin-é ที่เขาค่อย ๆ เพิ่มความเป็นตัวเองเข้าไปมากขึ้น หลังจากที่เขาปฏิเสธค่ายเพลงที่สนใจเขาไปหลายค่าย[2] รวมถึงผู้จัดการของพ่อเขาที่ชื่อ เฮิร์บ โคเฮน[3] เขาก็ได้เซ็นสัญญากับโคลัมเบีย โดยได้รวบรวมสมาชิกวงและบันทึกเสียงผลงานสตูดิโออัลบั้มเพียงชุดเดียวของเขาที่ชื่อ Grace
มากกว่า 2 ปีที่วงออกทัวร์เพื่อประชาสัมพันธ์อัลบั้ม รวมถึงคอนเสิร์ตในสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย เขาก็ได้หยุดทัวร์ไปในปี 1996[4] และพยายามไม่บ่อยครั้งที่จะบันทึกเสียงอัลบั้มชุดที่ 2 ในนิวยอร์กโดยมีทอม เวอร์เลน เป็นโปรดิวเซอร์ ในปี 1997 บั๊กลีย์ย้ายไปอยู่เมมฟิส รัฐเทนเนสซี เพื่อจะทำงานอัลบั้มต่อ จะมีชื่ออัลบั้มว่า My Sweetheart the Drunk ได้บันทึกเสียงเดโม่ 4 เพลงอยู่หลายครั้ง และยังแสดงเดี่ยวในโชว์ที่งานท้องถิ่น ขณะที่รอสมาชิกวงของเขาจากนิวยอร์ก เขาจมน้ำระหว่งการว่ายน้ำตอนเย็น สวมเสื้อผ้าเต็มชุด ในแม่น้ำมิสซิสซิปปี ก็พบร่างของเขาเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 1997[5]
หลังจากที่เขาเสียชีวิต ก็มีการออกผลงานของเขาหลังการตาย รวมถึงรวมเพลง 4 เพลงเดโม่และการบันทึกเสียงในเพลงจากอัลบั้มชุดที่ 2 ที่ยังทำไม่เสร็จ My Sweetheart the Drunk และผลงานเพิ่มเติมในอัลบั้มเปิดตัว Grace และผลงานแสดงสด อีพีชุด Live at Sin-é ก็ประสบความสำเร็จบนชาร์ต กับซิงเกิ้ล "Hallelujah" เพลงเก่าของลีโอนาร์ด โคเฮน ที่ติดชาร์ตอันดับ 1 บนบิลบอร์ดในชาร์ตฮอตดิจิตอลซองส์ ในเดือนมีนาคม 2008 และยังติดอันดับ 2 บนยูเคซิงเกิ้ลส์ชาร์ต ในช่วงคริสต์มาสปี 2008 ผลงานของบั๊กลีย์ยังคงได้รับความนิยม[6] และยังติดอยู่ในรายชื่อยอดเยี่ยมทางดนตรีของสื่อ[7][8]แต่ในAnimeมิโอะเรียกว่าเจฟ เบค
อ้างอิงจาก Wikipedia
1.เจมส์ มาร์แชลล์ เฮนดริกซ์ (อังกฤษ: James Marshall Hendrix) หรือชื่อเกิด จอห์นนี อัลเลน เฮนดริกซ์ (อังกฤษ: Johnny Allen Hendrix) (27 พฤศจิกายน ค.ศ. 1942 - 18 กันยายน ค.ศ. 1970) เป็นนักกีตาร์ นักร้อง นักแต่งเพลงชาวอเมริกัน เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นนักกีต้าร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรีร็อก โดยนักดนตรีและนักวิจารณ์มากมายในแวดวงบันเทิง[1][2][3] และเป็นหนึ่งในบุคลสำคัญที่มีบทบาทต่อดนตรีหลายๆ แนวในยุคของเขา[4][5][6] หลังจากประสบความสำเร็จในยุโรปในช่วงแรก จึงเริ่มมีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา หลังจากการแสดงใน มอนเทอเรย์ป็อปเฟสติวัล ต่อมาเขาก็ได้เล่นเป็นวงหลักในเทศกาลวู้ดสต็อกปี 1969 และเทศกาลไอเซิลออฟไวต์ ในปี 1970 บ่อยครั้งเฮนดริกซ์ชอบที่จะใช้เสียงโอเวอร์ไดรว์ฟแบบดิบๆ จากตู้แอมป์ร่วมกับ Gain (ปริมาณเสียงที่ส่งมาจากกีต้าร์) จำนวนมาก รวมไปถึง Treble (เสียงย่านแหลม) ด้วย ซึ่งได้ช่วยพัฒนาเทคนิคในการทำให้เกิดเสียง Feedback (เสียงหอน) จากแอมป์กีต้าร์[7]เฮนดริกซ์เป็นหนึ่งในนักดนตรีที่ทำให้แป้นเหยียบวาห์-วาห์ ได้รับความนิยมในดนตรีร็อกกระแสหลัก ซึ่งเขามักจะใช้เพื่อขยายขอบเขตของระดับเสียงในโซโล่ของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการดันสายที่เป็นเสียงสูง และการใช้เลกาโตที่ยืนพื้นบนสเกลเพนตาโทนิก เขาได้รับอิทธิพลในการเล่นมาจากศิลปินในแนวบลูส์ เช่น B. B. King, Muddy Waters, Howlin' Wolf, Albert King และ Elmore Jame[8][9][10] [11] นักกีต้าร์แนวอาร์แอนด์บีและโซล อย่าง Curtis Mayfield, Steve Cropper เช่นเดียวกับดนตรีโมเดิร์นแจ๊ส[12] ในปี 1966 เฮนดริกซ์ผู้ซึ่งได้ร่วมเล่นและบันทึกเสียงกับวง ลิตเทิล ริชาร์ด ในระหว่างปี 1964 ถึง 1965 ได้เคยบอกว่า "ผมอยากจะทำกับกีต้าร์ของผมในสิ่งที่ลิตเทิล ริชาร์ดทำกับเสียงร้องของเขา[13]
คาลอส ซานตาน่า ได้ให้ความเห็นว่าดนตรีของเฮนดริกซ์อาจจะได้รับอิทธิพลมาจากวิถีชิวิตของชาวอเมริกันของเขา[14] ในฐานะโปรดิวเซอร์ เฮนดริกซ์ได้ใช้ห้องบันทึกเสียงในการต่อยอดความคิดของเขา ซึ่งเขาเป็นคนแรกๆ ที่ได้ทดลองเกี่ยวกับเสียงแบบสเตอริโอ และ เทคนิค Phasing สำหรับบันทึกเสียงเพลงร็อก
เฮนดริกซ์ ได้รับรางวัลที่มีเกียรติเกี่ยวกับวงการเพลงร็อกมากมายตลอดชีวิตเขา และยังได้รับเพิ่มมาหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้วอีกมาก รวมถึงได้มีชื่ออยู่ในยูเอสร็อกแอนด์โรลฮอลออฟเฟม ในปี 1992 และยูเคมิวสิกฮอลออฟเฟมในปี 2005 ที่อังกฤษก็มีป้ายชื่อของเขา ณ บ้านที่เขาเคยอาศัยที่ถนนบรู๊ก ใน ลอนดอน เมื่อเดือนกันยายนปี 1997 ดาวที่เป็นชื่อของเขาที่ฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม(ตั้งอยู่ที่ 6627 ฮอลลีวูด บูเลวาร์ด) ได้ถูกทำขึ้นมาในปี 1994 ในปี 2006 ผลงานอัลบั้มเปิดตัวในยูเอสของเขา อาร์ ยู อิคเพียเรียนซ์ (อังกฤษ: Are You Experienced) ได้รับเลือกให้อยู่ใน United States National Recording Registry และนิตยสารโรลลิงสโตน ให้เฮนดริกซ์อยู่อันดับ 1 ในบรรดานักกีตาร์ ในหัวข้อ 100 อันดับ นักกีตาร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ในปี 2003[15] เขายังเป็นคนแรกที่ถูกเสนอชื่อเข้าสู่ Native American Music Hall of Fame อีกด้วยในAnime มิโอะเรียกว่า จิมมี เฮนดริกซ์
2.เจมส์ แพทริก "จิมมี" เพจ โอบีอี (เกิด 9 มกราคม 1944) เป็นนักกีตาร์ นักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์ชาวอังกฤษ เพจเริ่มต้นอาชีพนักดนตรีจากการเป็นนักกีตาร์ที่ทำงานในสตูดิโอในลอนดอน ต่อมาในปี ค.ศ. 1966 ถึงค.ศ. 1968 เขาเป็นสมาชิกของวงเดอะยาร์ดเบิร์ดส์ จากนั้นเขาได้ก่อตั้งวงเลด เซพเพลิน เพจได้ถูกอธิบายว่า "หนึ่งในนักกีตาร์และนักแต่งเพลงที่มีอิทธิพลที่สุด มีความสำคัญที่สุด และมีความสามารถรอบด้านที่สุดในประวัติศาสตร์ของเพลงร็อกตลอดกาลอย่างไม่มีข้อสงสัย"[1] ในปี 2003 โรลลิงสโตน ได้จัดอันดับให้เพจอยู่ในอันดับที่9 ในรายการ"100 นักกีตาร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล" [2] และเพจยังถูกเสนอชื่อให้อยู่ในหอเกียรติยศร็อกแอนด์โรลสองครั้ง ครั้งแรกในฐานะสมาชิกของวงเดอะยาร์ดเบิร์ดส์ (1992) [3] ครั้งที่สองในฐานะสมาชิกของวงเลด เซพเพลิน (1995) [4]แถมคนนี้ใช้กีตาร์2คอที่ยูอิเห็นตอนที่2ด้วย
3.เจฟฟรีย์ สกอต บั๊กลีย์ (อังกฤษ: Jeffrey Scott Buckley) (17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1966 - 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1997) หรือโตมาในชื่อ สก็อตตี มัวร์เฮด (อังกฤษ: Scotty Moorhead)[1] เป็นนักร้อง-นักแต่งเพลง และนักกีตาร์ชาวอเมริกัน เขาเป็นบุตรชายของทิม บั๊กลีย์ นักดนตรีเช่นกัน หลังจาก 1 ทศวรรษที่เขาทำงานเป็นมือกีตาร์รับจ้างในลอสแอนเจลิส บั๊กลีย์ก็มีชื่อเสียงมากขึ้นในต้นคริสต์ทศวรรษ 1990 โดยเล่นเพลงทำใหม่ของศิลปินอื่น ในงานที่อีสวิลเลจ ในแมนฮัตตัน อย่างเช่น งาน Sin-é ที่เขาค่อย ๆ เพิ่มความเป็นตัวเองเข้าไปมากขึ้น หลังจากที่เขาปฏิเสธค่ายเพลงที่สนใจเขาไปหลายค่าย[2] รวมถึงผู้จัดการของพ่อเขาที่ชื่อ เฮิร์บ โคเฮน[3] เขาก็ได้เซ็นสัญญากับโคลัมเบีย โดยได้รวบรวมสมาชิกวงและบันทึกเสียงผลงานสตูดิโออัลบั้มเพียงชุดเดียวของเขาที่ชื่อ Grace
มากกว่า 2 ปีที่วงออกทัวร์เพื่อประชาสัมพันธ์อัลบั้ม รวมถึงคอนเสิร์ตในสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย เขาก็ได้หยุดทัวร์ไปในปี 1996[4] และพยายามไม่บ่อยครั้งที่จะบันทึกเสียงอัลบั้มชุดที่ 2 ในนิวยอร์กโดยมีทอม เวอร์เลน เป็นโปรดิวเซอร์ ในปี 1997 บั๊กลีย์ย้ายไปอยู่เมมฟิส รัฐเทนเนสซี เพื่อจะทำงานอัลบั้มต่อ จะมีชื่ออัลบั้มว่า My Sweetheart the Drunk ได้บันทึกเสียงเดโม่ 4 เพลงอยู่หลายครั้ง และยังแสดงเดี่ยวในโชว์ที่งานท้องถิ่น ขณะที่รอสมาชิกวงของเขาจากนิวยอร์ก เขาจมน้ำระหว่งการว่ายน้ำตอนเย็น สวมเสื้อผ้าเต็มชุด ในแม่น้ำมิสซิสซิปปี ก็พบร่างของเขาเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 1997[5]
หลังจากที่เขาเสียชีวิต ก็มีการออกผลงานของเขาหลังการตาย รวมถึงรวมเพลง 4 เพลงเดโม่และการบันทึกเสียงในเพลงจากอัลบั้มชุดที่ 2 ที่ยังทำไม่เสร็จ My Sweetheart the Drunk และผลงานเพิ่มเติมในอัลบั้มเปิดตัว Grace และผลงานแสดงสด อีพีชุด Live at Sin-é ก็ประสบความสำเร็จบนชาร์ต กับซิงเกิ้ล "Hallelujah" เพลงเก่าของลีโอนาร์ด โคเฮน ที่ติดชาร์ตอันดับ 1 บนบิลบอร์ดในชาร์ตฮอตดิจิตอลซองส์ ในเดือนมีนาคม 2008 และยังติดอันดับ 2 บนยูเคซิงเกิ้ลส์ชาร์ต ในช่วงคริสต์มาสปี 2008 ผลงานของบั๊กลีย์ยังคงได้รับความนิยม[6] และยังติดอยู่ในรายชื่อยอดเยี่ยมทางดนตรีของสื่อ[7][8]แต่ในAnimeมิโอะเรียกว่าเจฟ เบค
อ้างอิงจาก Wikipedia